วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ปิ่นโตน้อย

11 โมง เกือบ เที่ยง
ร้อนตับแตก
ในระหว่างเดินกลับบ้าน จาก ไปซื้อของ
ก็เหลือบไปเห็นคุณอาคนงาน นั่งล้อมวงกันในที่ร่มของช่วงตึก กำลังกินข้าวกลางวันกันอยู่
ทุกคนจะมี ข้าวในถุงพลาสติก กับ กับข้าวในชั้นปิ่นโต วางอยู่บนพื้น
สีหน้าของเหล่าคุณอา นั้นดูมีความสุข มือนึงจับถุงพลาสติก มือนึงจับช้อน แบ่งปันกับข้าวกินกัน
ทั้งๆที่ กินก็กินกันกับพื้น สุขอนามัยยำ่แย่ ข้าวที่ใส่ถุงพลาสติกดูยังไงก็ไม่น่ากิน
แต่ก็ยังรู้สึกอยากเข้าไปร่วมวงด้วย

ไม่ได้ใช้ปิ่นโตมานานเท่าไหร่แล้ว นา
พลันนึกไปถึงตอนประถมที่ ช่วงนั้นหิ้วปิ่นโตไปกินที่ ร.ร.
เที่ยงก็นั่งจับกลุ่ม เอา กับข้าวในปิ่นโต มาแบ่งกันกิน
" เป็นไง ไข่ยาย กู "
"ผัดฟักทองแม่ เราอร่อยกว่า"
"พวกเอ็ง มาเจอหมูทอดของข้า นี่"
จริงๆผมชอบหมูทอดที่แม่ไอ้นั่นทำมากเลย แต่ทำไมตอนเด็กๆ ต้องข่มกันด้วยก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ช่วงนั้น รู้สึกสนุกกับการกินมาก ต้องลุ้นว่าวันนี้มีรายให้กินน้า
เป็นช่วงเวลาดีๆที่ ทุกวันนี้ไม่ค่อยมีโอกาส

ในกรุงเทพที่มีแต่ความวุ่นวาย ก็ยังมีมุมดีๆ ให้เห็นกันอยู่
เหล่าคุณอาได้นำ กับข้าวที่เอามาแล้วต้องแบ่งคนอื่นนั้นใส่ปิ่นโตมาอย่างดี
ส่วนข้าวส่วนตัวกลับใส่ถุงพลาสติก ดูจะกินลำบาก ใช้ช้อนตักก็ยาก
ผมว่าพวกคุณอานั้นให้ความสำคัญกับสิ่งที่ใช้ร่วมกันมากกว่าของส่วนตัว
แม้จะไม่มีเงินใช้ แต่ ร่ำรวยน้ำใจ
ชอบสังคมน้ำใจมากครับผม





วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ภาพเก่าๆ

คุณตาปั้นหน้ายักษ์ เดิน เก้ๆ กังๆ จูงมือหลานตัวอ้วน ข้ามถนนออกจาก ร.ร.
ซื้อเก็กฮวยแก้วใหญ่แช่เย็น จากร้านอาแปะ
ก่อนจะจูงมือกันนั่งรถเมล์กลับบ้าน



บางสิ่งที่จางหายไปกับกาลเวลา


บางสิ่งที่เราอาจลืมทิ้งไว้ในอดีต



รู้สึกเหงา แต่ก็ มีความสุขที่ได้เห็นภาพชวนคิดถึง









ขอ ขอบคุณ UP มากมายขอรับ

วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เลือก...เฮ้ออออ

เนื่องด้วยกระเป๋าเป้สุดรักนั้นเกิดอาการบาดเจ็บ แขน เขิน ขาด ย้อย ห้อยระย้า
จึงเป็นหน้าที่ของพี่ชายที่ต้องหา ที่นอนระหว่างเดินทางให้แก่น้องเครื่ิองแมค และ เสริมความหล่อให้กับตัวเอง

จึงได้แวะไป เซนทรัล ลาดพร้าว เพื่อเสาะแสวงหาสิ่งซึ่งสร้างมาเพื่อเรา
ไปถึงก็เจอกระเป๋ามากมายหลายแบบ

"ลด 15% ทุกรายการนะคะ" >>เสียงสาวๆ ของพี่พนักงานคนสวย

อ่าฮ่าาา!! งี้ก็รอช้าไม่ได้แล้ว

แต่แล้วก็เกิดปัญหาหนักอกหนักใจ

เลือกอันไหนดีวะเนี้ยยยย!!!

ใบแรก สวยเก๋ เท่ สะพายแล้วหล่อ แต่ มีกันกระแทกแค่ส่วนช่วงหลัง
ใบที่สอง ทรงตันๆ ลวดลายธรรมดา แต่มีกันกระแทกรอบตัว

เรามักจะเจอกับการต้องเลือกอะไรซักสิ่งอย่างอยู่ตลอด ในกรณีนี้ ด้วยงบประมาณ ผมไม่สามารถจะซื้อทั้งสองใบได้ แล้วเราควรจะเลือกสิ่งไหนดี

เลือก เหมาะกับเรา หรือ เหมาะกับน้องแมคกี้

"เป็นกูเลือกใบที่สวยกว่าหว่ะ" (ไอ้นวล)

"ก็หาไอ้ที่ทั้งสวย และ ดี ดิวะ" (ไอ้แว่น)

"ถ้าใช้ระวังก็เลือกแบบที่สวยดีกว่า" (ไอ้แว่น)

การที่เราจะต้องตัดสินใจอะไรบางอย่างนั้นเป็นเรื่องที่ผมมักจะเจอกับมันอยู่บ่อยๆ
ความคิดเห็นของผองเพื่อนก็ยังไม่อาจทำให้เรามั่นใจได้ 100%
แล้วเราจะเลือกสิ่งใดล่ะ ถ้าชั่งน้ำหนักแล้วมัน 50/50

อาจจะอยู่ที่เราให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากัน

แล้วเราจะตอบตัวเองได้อย่างไรว่า สิ่งใดสำคัญกว่า สิ่งใด?

เราจะตอบได้อย่างไร ถ้ามีคนถามว่า รักพ่อ หรือ แม่ มากกว่ากัน?

ถ้ามีแบบทดสอบทางจิตวิทยาประกอบการตัดสินใจจะช่วยอะไรเราได้ไหม หนอ

สุดท้ายผมเลือกที่จะซื้อเป้ เพื่อน้องแมคกี้ แต่ในใจก็ยังคงลังเล
บางครั้งเราก็จำเป็นต้องตัดสินใจอย่างฉับพลัน การเล่นบอลในจังหวะ 50/50 ถ้ามัวรีรอที่จะสกัดบอล หรือ ประคองไว้ จังหวะที่รีรออาจเสียหายถึงขั้นเสียประตูได้เลยนะ อืมมมม



เออ ใบนี้ลดเหลือเท่าไหร่ครับ


อ่อ ลดจากป้าย 400 บาท ค่ะ น้องแค่โชว์ The One Card ก็ลดทันทีเลยค่ะ




.......



อ้าก The One Card !!!!!!!




การจะทำอะไรควรจะหาข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบด้วย
สิ่งที่เหมือนจะเรียบร้อยกลับไม่แน่นอน
ไม่ใช่ว่าเรานั้นจะเป็นผู้ตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียวเสมอไป บางทีอาจมีปัจจัยที่คาดไม่ถึงก็เปนได้

เราอาจกำลังหนักใจว่า จะเลือกสาวที่สวย น่ารัก หรือ สาวที่ เก่ง นิสัยดี ดี
บางทีหญิงเขาอาจไม่เลือกมึงก็ได้



....เฮ้ออ......

วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552

FOOTBALL TEAM

วันนี้ได้มีโอกาส เตะฟุตบอลกับเพื่อนสมัยมัธยม
นอกจากจะได้ออกแรงบ้าง การได้คุยกับเพื่อนเก่าๆ ในระหว่าง รอ ก็ทำให้เราผ่อนคลาย

ทีมของเรามักจะได้คุยกันข้างสนามมากกว่าทีมอื่นเสมอ เล่นยังไงก็แพ้ ไม่ค่อยจะชนะไรกับเขาเท่าไหร่ แพ้ทีก็ต้องมาแก้เกมที แพ้อีกก็มานั่งคุยกันอีก นานทีจะชนะที การที่เราเล่นกับเพื่อนที่รู้จักกันมานาน
การได้ช่วยกันคิดวางแผน ทุกๆคนช่วยกันเล่น ไล่บอล ช่วยกันบุก ช่วยกันรับ

บางครั้งจุดหมายปลายทางไม่ได้ยิ่งใหญ่ แค่ชนะเกมฟุตบอลง่อยๆ หนึ่งนัดไม่ได้มีรางวัลอะไร
แต่เราก็ตั้งใจและจริงจังกับมัน การมีทีมที่เข้าใจกัน
ไม่ได้เก่งทักษะดีอะไร แต่ยอมรับในความเห็นที่ต่างกัน ช่วยกันแก้ไขส่วนที่ผิดพลาด ผลักดันกันและกัน
ทุกคนมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำ

สุดท้ายเราอาจจะไม่ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ แต่มันคงจะรู้สึกมันส์กว่า
การอยู่กับทีมชนะแต่ไม่มีใครฟังเสียง และ ยอมรับ

ความคิดเห็น และ ตัวตนของเรา